พระไพรีพินาศ

DSCN1196

“พระไพรีพินาศ” คือชื่อของพระประธานวัดสังฆบารมี ขนาดหน้าตัก ๘๐ ซ.ม. เนื่องด้วยจัดทำขึ้นเพื่อเป็นการร่วมฉลองในวาระที่ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระชนมายุ ๘๐ พรรษา ในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ ในการนี้ได้จัดทำเป็นพระบูชาขนาดหน้าตัก ๔ นิ้ว รวมทั้ง พระกริ่งและพระผงด้วยในคราวเดียวกัน อีกทั้งยังได้รับพระเมตตาจากเจ้าประคุณ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงอธิษฐานจิตให้เป็นกรณีพิเศษ

phrasangkharajสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

 ได้นำขึ้นประดิษฐานเป็นพระประธานของวัดเมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งเป็นวันที่ทำพิธีเปิดวัดอย่างเป็นทางการ โดยมีพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติวิมล (แสวง ธมฺเมสโก) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารและอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยเป็นประธานในพิธี

IMG_9458-3พระเทพปริยัติวิมล (แสวง ธมฺเมสโก)

 ถ้าจะเอ่ยถึง พระไพรีพินาศ คนส่วนใหญ่ต้องนึกถึงพระกริ่งและเหรียญพระพทุธรูปปางประทานพร ซึ่งวัดบวรนิเวศวิหารได้จัดสร้างขึ้นเนื่องในวาระฉลองพระชนมายุครบ ๘๐ พรรษา ของสมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงวชิรญาณวงค์ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๖ รวมทั้งพระกริ่งและพระพิมพ์ผงภาพพระพุทธรูปพุทธลักษณะเดียวกันนั้น ซึ่งทางวัดได้จัดสร้างขึ้นในระยะหลังอีกหลายรุ่น โดยจำลองแบบมาจากพระพุทธรูปศิลาองค์หนึ่งที่มีผู้นำมาถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งทรงผนวชอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร

ตามประวัติที่บันทึกไว้ในตำนานวัดบวรนิเวศวิหาร ได้กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของพระพุทธรูปองค์นี้ไว้ว่า พระไพรีพินาศองค์เดิมเป็นพระพุทธรูปศิลาขนาดย่อม หน้าพระเพลา (ตัก) ๑ คืบ ๔ นิ้ว สูงตลอดพระรัศมี ๑ ศอก มีเศษไม่ถึงนิ้ว เป็นพระพุทธรูปแบบธยานิพุทธเจ้า ปางประทานพร สมัยศรีวิชัย แต่นักสังเกตบางคนสงสัยว่า พระพุทธรูปสมัยศรีวิชัยมีเพียงเกตุมาลาเป็นจอมคล้ายสมัยทราวดีเป็นพื้น เล่ากันว่าพระพุทธรูปนี้มีผู้นำมาถวายพระบาทพระจอมเกล้าฯ เมื่อยังทรงผนวชอยู่ในราว พ.ศ. ๒๓๙๑ ได้ถวายพระนามว่า “พระไพรีพินาศ”

พระไพรีพินาศ ใคร่ครวญตามพระนามน่าจะได้เชิญประดิษฐานไว้ในเก๋งน้อยที่สร้างใหม่ ณ ทักษิณชั้นบนแห่งพระเจดีย์ในครั้งนั้น เว้นไว้แต่ได้ประดิษฐานในครั้งยังทรงผนวชเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๙๑ ที่เป็นคราวสิ้นเสี้ยนศัตรูครั้งแรก

ครั้งหนึ่ง สมเด็จเต้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ทูลสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพว่า สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ตั้งปัญหาถามกระหม่อมว่า พระไพรีพินาศนั้นเป็นพระอะไร มาแต่ไหน ทำไมจึงมาอยู่วัดบวรนิเวศวิหาร และเหตุใดจึงชื่อว่า ไพรีพินาศ เกล้ากระหม่อมหงายท้องไม่สามารถตอบได้ อยากรู้เหมือนกัน เคยทูลถามฝ่าพระบาทก็ไม่ทรงทราบเหมือนกัน หันไปหันมาเห็นกรมหมื่นพงศา จึงลองเข้าทูลถามดู ตรัสบอกว่าใครก็ทรงจำชื่อไม่ได้เสียแล้วเป็นผู้นำมาถวายทูลกระหม่อมเมื่อยังทรงผนวชอยู่ เป็นเวลาติดต่อกับที่หม่อมไกรสรถูก สำเร็จโทษ จึงโปรดตั้งพระนามว่า “พระไพรีพินาศ”

Jaydee

ปัจจุบัน พระไพรีพินาศประดิษฐานอยู่ที่ซุ้มเก๋งด้านทิศเหนือของพระเจดีย์ประธานของวัดในหนังสือศิลปกรรมวัดบวรนิเวศวิหารได้กล่าวถึงเจดีย์ที่สร้างเก๋งประดิษฐานพระไพรีพินาศไว้ตอนหนึ่งว่า

พระเจดีย์ไพรีพินาศเป็นพระเจดีย์ศิลา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้สร้างขึ้นบรรจุพระพุทธวจนะ ประดิษฐานอยู่ในคูหาภายในเจดีย์ใหญ่วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๐๗ ระหว่างการซ่อมแซมพระเจดีย์ได้พบกระดาษขาว มีตราแดง๒ ดวง มีอักษรเขียนว่า พระสถูปเจดีย์สิลาบัลลังก์องค์นี้จงมีนามว่า พระไพรีพินาศจดีย์เทอญ อีกหน้าหนึ่งเขียนไว้ว่า เพราะตั้งแต่ได้ทำมา คนไพรีก็วุ่นวายยับเยินไปโดยลำดับ

พุทธลักษณะของพระไพรีพินาศเป็นพระพุทธรูปประทับนั่งแบบวัชรอาสน์ (ขดัสมาธิเพชร) บนปัทมาสน์อันประกอบด้วยกลีบบัวคว่ำและกลีบบัวหงาย มีเกสรบัวประดับทรงแสดงวรมุทรา (ปางประทานพร) โดยหงายพระหัตถซ้ายวางบนพระเพลา พระหัตถ์ขวาวางหงายเหนือพระชานุ (เข่า) ด้านขวา

องค์พระพุทธรูปมีพระอังสากว่างบั้นพระองค์เรียวเล็ก ครองอุตราสงค์เรียบไม่มีริ้วห่มแยงเปิดพระอังสาขวาโดยมีสังฆาฏิสั้นพาดบนพระอังสาซ้าย และมีขอบพระอุตราสงค์พาดผ่าน
พระกรซ้าย พระพักตร์ค่อนข้างกลม พระนลาฏค่อนข้างกว้าง พระขนงโก่ง พระเนตรเหลือบต่ำ พระนาสิกโด่ง พระโอษฐ์อมยิ้ม พระกรรณยาว จรตพระอังสา ขมวดพระเกศาเป็นก้นหอย มีเกตุมาลาขนาดใหญ่ประดับด้วยเส้นพระเกศามีรูปเปลวไฟอยู่บื้องบน กับทั้งมีประภามณฑลอยู่เบื้องหลัง

phrapiripinas_historia

อาจกล่าวได้ว่า พระไพรีพินาศมีรูปแบบทางศิลปกรรมคล้ายกับพระพุทธรูปในศิลปะชวา ซึ่งได้รับอิทธิพลจากศิลปะอินเดียแบบปาละอีกต่อหนึ่ง ลักษณะทางปฏิมากรรมวิทยา คือ การแสดงวรมุทรา หรือประทานพรนั้น คงมีความหมายถึงพระธยานิพุทธเจ้าประจำทิศใต้ตามคติความเชื่อในพุทธศาสนาลัทธิมหายานที่มีชื่อว่า “รัตนสัมภวะ”

สำหรับมูลเหตุแห่งการถวายพระนามพระพุทธรูปองค์ดังกล่าวนี้ว่า พระไพรีพินาศ ก็เนื่องมาจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเห็นว่า ทรงได้พระพทุธรูปองค์นี้มาในระยะเวลาติดต่อกับที่ผู้ที่จ้องทำลายพระองค์คือ กรมหลวงรักษ์รณเรศ หรือหม่อมไกรสร มีเหตุอันที่ทำให้ต้องแพ้ภัยตัวเอง

กล่าวคือ เมื่อครั้งที่เจ้าฟ้ามงกุฎฯ เสด็จมาประทับจำพรรษาที่วัดบวรนิเวศวิหาร ได้มีกลุ่มผู้ที่มุ่งจะทำลายพระองค์ นำโดยกรมหลวงรักษ์รณเรศ (หม่อมไกรสร) ผู้ซึ่งหมายมั่นจะขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ต่อจากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วยเหตุนี้จึงมีความคิดกำจัดผู้ที่จะเป็นคู่แข่งสำคัญด้วยวิธีการกลั่นแกล้งต่างๆ นาๆ เป็นต้นว่า เอาข้าวต้มร้อนใส่บาตรที่พระองค์ทรงถืออยู่ในระหว่างทรงบิณฑบาต เพื่อให้ทรงเกิดทุกขเวทนา ซึ่งการกระทำของหม่อมไกรสรที่มีต่อพระภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฎฯ นั้นมีอยู่อย่างต่อเนื่องเป็นระยะๆ แต่พระองค์ก็หาได้ตอบโต้ไม่ กลับทรงวางพระองค์อยู่ในอุเบกขาธรรมเสมอมา

จนกระทั่งวันหนึ่ง มีผู้นำพระพุทธรูปมาถวาย พระองค์ได้นำพระพุทธรูปองค์นี้ประดิษฐานไว้ในที่อันควร และทรงกระทำการสักการบูชาอยู่เสมอ ภายหลังจากนั้นไม่นาน หม่อมไกรสรก็มีอันต้องประสบเหตุเภทภัย เนื่องจากกระทำผิดกฎมณเฑียรบาลอย่างร้ายแรง จนถูกสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทร์

พระภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฎฯ ทรงเห็นว่า เป็นนิมิตหมายอันดีที่ตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้ทรงประกอบพระราชพิธีผ่องพ้นไพรี อันเป็นพระราชพิธีที่แสดงถึงพระบารมีและบุญญาธิการของพระองค์ที่สามารถผ่านพ้นการจ้องทำลายของเหล่าศัตรูมาด้วยดีโดยมิได้ทรงตอบโต้แต่ประการใด แต่เหล่าศัตรูกลับต้องพ่ายแพ้ภัยของตนเองไปในที่สุด

ด้วยเหตุนี้ รูปจำลองของพระไพรีพินาศซึ่งสร้างขึ้นมาเป็นวัตถุมงคลจึงเป็นที่นิยมชมชอบของนักสะสมพระเครื่องและพุทธศาสนิกชนทั่วไป เนื่องจากเชื่อว่ามีพุทธคุณในทางปกป้องคุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากศัตรูผู้ที่คิดร้าย เฉกเช่นเดียวกับพระไพรีพินาศองค์ที่นำมาเป็นต้นแบบ

IMG_7513-2

บูชาพระไพรีพินาศ ณ วัดสังฆบารมี

วีดีโออันเชิญพระไพรีพินาศขึ้นประดิษฐาน ณ วัดสังฆบารมี